SEO คืออะไร
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization คือการปรับปรุงหน้าเว็บไซต์ให้ผลการค้นหาติดอันดับบน Google หรือ Search Engine แบบอื่น ๆ ซึ่งผู้คนจะเข้าถึงเว็บไซต์ผ่านคำค้นหาที่ติดอันดับ ยิ่งทำอันดับได้ดีเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เกิดการมองเห็นและเข้าเว็บไซต์ของเราได้ง่ายขึ้น
โดย SEO เป็นแขนงนึงของ Digital Marketing ที่ทำให้ผู้คนได้รู้จักกับแบรนด์ สินค้า หรือบริการต่าง ๆ บนเว็บไซต์ ข้อโดดเด่นของ SEO คือ ไม่เสียค่าโฆษณาในการทำ จึงเหมาะกับธุรกิจทุกขนาดที่มีเว็บไซต์เป็นของตนเอง และต้องการให้ผู้คนเห็นเว็บไซต์ผ่านช่องทาง Google
ทำไม SEO ถึงสำคัญต่อธุรกิจออนไลน์
ความสำคัญของ SEO คือ การทำเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จักและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์หรือบริการนั้น ๆ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น ถ้าเราต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ “เช่าโรงแรม” หากเว็บไซต์ของเราติดอันดับหน้าแรกของ Google ก็เพิ่มโอกาสให้ผู้ที่สนใจบริการเช่าโรงแรมเข้าถึงข้อมูลจากเว็บไซต์ได้ และยังส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการนั้น ๆ มากยิ่งขึ้น
เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับ SEO มากยิ่งขึ้น ขออธิบายด้วยภาพประกอบ ดังนี้
รูปภาพข้างต้น แสดงผลการค้นหาคำว่า “เช่าโรงแรม” บน Google ในรูปภาพตัวอย่างข้างต้นมีความแตกต่างกัน ดังนี้
กรอบสีเขียว เป็นผลการค้นหาแบบ Paid Search หรือ SEM คือซื้อโฆษณากับ Google
กรอบสีแดง เป็นผลการค้นหาแบบ Organic Search หรือ SEO ซึ่งมีการจัดอันดับตาม Google Algorithm โดยไม่สามารถทำการจ่ายเงินเพื่อสร้างอันดับได้
ความแตกต่างระหว่าง Paid Search และ Organic Search ในการค้นหาหน้า Google
ความแตกต่างสามารถสังเกตง่าย ๆ จากคำว่า ได้รับ การสนับสนุน หรือ Sponsored หากปรากฏคำดังกล่าวนั้นหมายถึงเป็นผลการค้นหาแบบ Paid Search หรือ SEM ส่วน Organic Search จะไม่ปรากฏคำโฆษณาจาก Google ซึ่งก็คือผลการค้นหาแบบ SEO นั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม : SEM คืออะไร เข้าใจคอนเซปต์ก่อนลงมือทำ SEM
รู้จัก SEO มากขึ้น ด้วยการเข้าใจการทำงานของ Google
การที่เว็บไซต์ของเราจะติดหน้าแรกบน Google มีหลากหลายปัจจัยด้วยกัน ซึ่งการทำ SEO จึงเป็นการช่วยให้ Google รู้จักเว็บไซต์ของได้ง่ายขึ้นผ่านการจัดโครงสร้างต่าง ๆ และหากเว็บไซต์ของเรามีประโยชน์และมีประสิทธิภาพ ก็จะปรากฎผลการค้นหาบนหน้าแรกของ Google โดยหลักการทำงานของ Google ในการเก็บข้อมูลเว็บไซต์มีด้วยกันหลายส่วน ดังนี้
Crawling การไต่ข้อมูล เพื่อเก็บและเตรียมจัดทำดัชนี วิธีการทำงานคือ Google จะส่ง Bot ทำการเก็บข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อดูเนื้อหาเว็บไซต์ว่าเกี่ยวข้องกับอะไร เชื่อมโยงกับ Keywords ใด มี Links เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไหม มีการอัปเดตเว็บไซต์หรือไม่ มีโครงสร้างเป็นอย่างไร เพื่ออ่านข้อมูลของเว็บไซต์และจัดอันดับให้กับเว็บไซต์ได้ถูกต้อง
Indexing การจัดทำดัชนี หลังจากที่ Google ทราบข้อมูลของเว็บไซต์แล้ว จะทำการเก็บข้อมูลเว็บไซต์ของเราไปประมวลผล เพื่อรอการจัดลำดับต่อไปในอนาคต
Ranking การจัดอันดับและแสดงผลการค้นหาบนหน้า Google การค้นหาแบบ Organic ของ Google จะแสดงผลจำนวน 10 หน้า ในแต่ละหน้าจะมี 10 อันดับ (ขึ้นอยู่กับข้อมูลของ Keywords นั้น ๆ) ซึ่ง Ranking ที่จะแสดงผลบนหน้า Google มีด้วยกันทั้งหมด 100 อันดับ ยิ่งติดอันดับ 1 หรือหน้าแรกเมื่อไหร่ การเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานก็จะมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อเข้าใจการทำงานของ Google แล้ว เรามาดูสิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับการทำ SEO ให้ติดอันดับกัน ดังนี้
3 ส่วนสำคัญในการทำ SEO ให้ติดอันดับ
1.SEO Content
SEO Content เป็นหัวใจสำคัญในการทำ SEO เพราะ Google ชอบข้อมูล และผู้คนที่ค้นหาบน Google ต้องการรู้ข้อมูลในสิ่งที่เค้าสนใจใคร่รู้ เช่น
- วิธีจองตั๋วเครื่องบิน
- รีวิวร้านกาแฟ ย่านอารีย์
- รองเท้าวิ่งผู้หญิง ราคา
- เสื้อ Oversize แบรนด์ไหนดี
- Digital Marketing คืออะไร
- Backlinks คืออะไร
จะเห็นได้ว่าคำค้นหานั้นมีความแตกต่างกัน และมีจุดประสงค์ที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นเนื้อหาที่เรานำเสนอในเว็บไซต์ก็ควรเป็นเรื่องที่ตอบโจทย์คำค้นหาเหล่านั้น ยิ่งเว็บไซต์ของเรามีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ช่วยตอบคำถามผู้คนได้มากเท่าไร เว็บไซต์เราก็สามารถติดอันดับบนหน้าแรกได้มากยิ่งขึ้น
2. SEO On-Page
SEO On-Page คือการปรับแต่งทุกอย่างภายในเว็บไซต์ เพื่อให้ Googlebot เข้าใจว่าแต่ละหน้านั้นมีข้อมูลอะไร โดยมีการวาง Keywords, ปรับแต่ง Title Tag, Alt Text รวมถึงโครงสร้างการเขียน SEO Content
3. SEO Off-Page
3. SEO Off-Page คือองค์ประกอบภายนอกเว็บไซต์ของเรา ที่เสริมให้เว็บไซต์ของเราน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น อาจเป็นการให้เครดิตข้อมูลเว็บไซต์ การโปรโมทเว็บไซต์ผ่านช่องทาง Social Media ต่าง ๆ หรือการทำ Backlinks เพื่อให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของเราเป็นเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ มีการกล่าวถึงจากเว็บไซต์ภายนอก ส่วนนี้จะเสริมให้ SEO มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ข้อดีของการทำ SEO
สร้างความน่าเชื่อถือ
เว็บไซต์ที่แสดงผลการค้นหาได้ในอันดับต้น ๆ ย่อมได้รับความน่าเชื่อถือมากกว่าเว็บไซต์ที่ไม่ติดอันดับผลการค้นหาใด ๆ เลย และยังทำให้ลูกค้ารู้จักกับแบรนด์ผ่านข้อมูลบนเว็บไซต์ได้มากขึ้น
เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
การทำการตลาดออนไลน์ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก-กลางที่ไม่มีงบประมาณสำหรับการตลาดที่แพงเกินตัวขนาดนั้น การทำ SEO จึงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการโปรโมทสินค้าหรือบริการที่เน้นผลระยะยาวและไม่เสียเงินโฆษณา
เข้าถึงกลุ่มลูกค้าผ่านคำค้นหา หรือ Keyword SEO
SEO สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้นผ่าน Keywords หรือคำค้นหาบน Google คล้ายกับการเลือกกลุ่มเป้าหมายผ่านการยิงแอดโฆษณา เพียงแต่ SEO จะเลือกผ่านคำค้นหาที่ผู้ใช้งานอยากรู้ หรือบอกความต้องการผ่านการค้นหา เช่น เช่ารถยนต์, เช่าโรงแรม ที่พักเขาใหญ่ เป็นต้น
ไม่เสียค่าใช้จ่าย และไม่มีค่าโฆษณา
กระบวนการของ SEO เริ่มต้นง่าย ๆ จากการทำข้อมูลบนเว็บไซต์ให้เป็นประโยชน์กับผู้ใช้งาน ธุรกิจหรือแบรนด์สามารถเริ่มต้นทำ SEO ได้ด้วยตัวเองโดยไม่เสียค่าโฆษณา
สรุป
SEO (Search Engine Optimization) เป็นการปรับปรุงหลาย ๆ องค์ประกอบบนเว็บไซต์ โดยมีจุดประสงค์แรกเพื่อให้ผู้คนทั่วไปได้มองเห็นเว็บไซต์ผ่านการค้นหา จุดประสงค์ที่สอง คือ เพื่อให้ Google เข้าใจเนื้อหาในเว็บไซต์ว่าเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรด้วยการทำ SEO On-Page นอกจากนี้ SEO ยังมีปัจจัยหลากหลายประการที่ส่งผลต่อการติดอันดับ ซึ่งข้อโดดเด่นของ SEO นั้น คือ ไม่เสียเงินในการทำ มีความยั่งยืน เพียงแต่ใช้ระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์นานกว่าการทำการตลาดรูปแบบอื่น ๆ
สำหรับธุรกิจใดที่มีเว็บไซต์เป็นของตนเอง หรือต้องการทำเว็บไซต์ที่ผลักดัน SEO ไปด้วย Go Online มีบริการรับทำ SEO ดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ มั่นใจได้เลยว่าเว็บไซต์ของคุณจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นผ่านการทำ SEO กับเรา